กรองแอร์รถยนต์ มีหน้าที่ช่วยกรองอากาศภายในห้องโดยสาร และดักจับสิ่งสกปรกฝุ่นต่าง ๆ ที่ปะปนอยู่ในอากาศที่จะส่งผลให้เครื่องยนต์ส่วนต่าง ๆ เกิดความเสียหายขึ้นได้ โดยกรองแอร์ที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันก็มีอยู่ 3 ประเภทซึ่งก็มีคุณสมบัติการใช้งานที่แตกต่างกันออกไปโดยมีดังนี้
กรองแอร์รถยนต์ แบบกระดาษ
เป็นไส้แบบมาตรฐานที่เห็นได้บ่อย และนิยมใช้กันมากโดยมีลักษณะเป็นกระดาษชุบน้ำมันซึ่งสามารถดักจับสิ่งสกปรก ฝุ่นละอองได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังมีราคาที่ถูกกว่าไส้กรองแบบอื่น ๆ แต่ข้อเสียคือเมื่อมีสิ่งสกปรกจับมาก ๆ ไม่สามารถล้างได้ต้องเปลี่ยนเพียงอย่างเดียว
ไส้กรองแอร์แบบผ้า
สามารถใช้ดักสิ่งสกปรกต่าง ๆ ได้ดีพอสมควร มีคุณสมบัติในการกรองดักจับฝุ่นใกล้เคียงกับกรองอากาศแบบกระดาษ ส่วนใหญ่มักจะใช้กับรถแต่งซิ่ง เพราะช่วยให้อากาศไหลเวียนเข้าสู่ห้องเผาไหม้ได้ดีกว่ากรองอากาศแบบกระดาษ และสามารถถอดล้างทำความสะอาดได้หลายครั้ง แต่ก็มีราคาที่สูงกว่าเมื่อเทียบกับไส้กรองแบบกระดาษ
ไส้กรองแอร์แบบสแตนเลส
เป็นไส้กรองที่มักจะใช้กับรถที่แต่งโมดิฟายเครื่องยนต์ รวมไปถึงรถยนต์ที่มีสมรรถนะสูง เพราะหากเทียบกับไส้กรองแบบกระดาษ และผ้าจะช่วยทำให้อากาศไหลผ่านเข้าสู่การเผาไหม้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด ถอดทำความสะอาดได้ แต่อย่างไรก็ตามฝุ่นสิ่งสกปรกต่าง ๆ ห้องเผาไหม้ได้มากกว่าไส้กรองแบบอื่น ๆ ตามไปด้วย อีกทั้งยังมีราคาสูงกว่าสองแบบแรก
กรองแอร์รถยนต์ ใช้ได้นานแค่ไหน
โดยทั่วไปแล้วหากทำตามคำแนะนำในคู่มือรถยนต์จะระบุไว้ว่าให้ถอดมาเป่าทำความสะอาดเมื่อใช้ไปทุก ๆ 10,000 กิโลเมตร และหากครบ20,000 กิโลเมตร ก็ควรเปลี่ยน แต่อย่างไรก็ตามหากการใช้งานรถในภาพแวดล้อมที่มีฝุ่นเยอะ ๆ ขับบนถนนที่เป็นดิน หรือบริเวณกำลังก่อสร้างถนนก็ควรถอดมาทำความสะอาดให้บ่อยมากขึ้น ไม่เช่นนั้นสิ่งสกปรกก็จะอุดตันมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้อากาศไหลผ่านได้ไม่สะดวก อาจจะส่งผลกระทบไปยังเครื่องยนต์ส่วนอื่น ๆ เช่นเครื่องยนต์สั่นไม่นิ่ง แรงกำลังเครื่องยนต์ตก สิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง เป็นต้น
มาถึงตรงนี้ก็คงพอจะรู้จัก กรองแอร์รถยนต์ แต่ละแบบกันแล้วซึ่งก็สามารถนำไปพิจารณาในการเลือกใช้งานได้ตามความเหมาะสม แต่ไม่ว่าจะใช้แบบไหนสิ่งสำคัญก็คือควรหมั่นตรวจเช็กเป็นประจำ เพื่อให้สิ่งสกปรกไม่อุดตัน มีสภาพที่พร้อมใช้งานอยู่เสมอก็จะช่วยยืดอายุการใช้งานกรองอากาศ และเครื่องยนต์ได้อีกด้วย
